ขร.จัดประชุมผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เดินหน้าศึกษามาตรฐานระบบระบายน้ำระบบราง เสริมความปลอดภัยโครงสร้างพื้นฐาน

วันที่ 13 มิถุนายน 2568 กรมการขนส่งทางราง (ขร.) จัดประชุมการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ครั้งที่ 1 ภายใต้โครงการศึกษาจัดทำมาตรฐานระบบระบายน้ำโครงสร้างพื้นฐานระบบราง และจัดทำมาตรการลดความเสี่ยงต่อภัยระบบราง ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ณ ห้องขจิตพรรณ ชั้น 2 โรงแรม S. Sriracha Hotel & Residence จ.ชลบุรี โดยมีนายทยากร จันทรางศุ ผู้อำนวยการกองมาตรฐานความปลอดภัยและบำรุงทาง เป็นประธานเปิดการประชุม

โครงการศึกษาดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา วิเคราะห์ และจัดทำมาตรฐานระบบระบายน้ำสำหรับโครงสร้างพื้นฐานระบบราง รวมถึงจัดทำมาตรการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ อาทิ น้ำท่วม ดินถล่ม และแผ่นดินไหว ตลอดจนการพัฒนาระบบแจ้งเหตุภัยระบบราง เพื่อให้เจ้าหน้าที่และประชาชนสามารถแจ้งเหตุและติดตามสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พื้นที่จังหวัดชลบุรีถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญด้านอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ของประเทศ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับระบบขนส่งทางรางในหลายมิติ ทั้งในด้านการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า โดยเฉพาะการเชื่อมต่อกับท่าเรือแหลมฉบังและเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก อย่างไรก็ดี พื้นที่ดังกล่าวประสบปัญหาน้ำท่วมบริเวณทางรถไฟในช่วงฤดูฝนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการเดินรถ ทั้งในด้านการขนส่งผู้โดยสาร การขนส่งสินค้า และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

การประชุมในครั้งนี้จึงจัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีในการนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมทางรถไฟในพื้นที่จังหวัดชลบุรี พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน ชุมชน และผู้ประกอบการในพื้นที่ ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหา ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง และแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ยังได้มีการนำเสนอ “แนวทางหรือข้อกำหนดในการปรับปรุงทางกายภาพบริเวณจุดที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภัยระบบรางจากภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดชลบุรี” โดย ผศ.ดร.ธวัชชัย ตันชัยสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของการขนส่งทางราง ณ ที่ทำการแขวงบำรุงทางรถไฟศรีราชา เพื่อประกอบการพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาในเชิงพื้นที่อย่างเหมาะสมต่อไป

ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางรางหวังว่าความร่วมมือจากทุกฝ่ายจะช่วยผลักดันให้โครงการบรรลุผลสำเร็จ และเป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบรางของประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป